วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551
จ้าวแห่งอีโมชั่นหรือไอคอน
รับสั่งจัดทำแต่มีกฏดังข้างล่าง
หากสั่งทำอีโมชั่นหรือไอคอนคำหยาบคุณจะถูกbanและเราจะไม่ทำให้
หากคุณสั่งคำสุภาพทางเราจะจัดให้สองอันหากเราทำให้เพียงอันเดียวขอให้คุณแจ้งทางเราด่วน
อีโมชั่นที่เราทำขึ้นบางอันจะไม่สามารถใช้ในMSNได้
การรับสั่งของเราใช้จากโปรเเกรมโฟโต้ชอปเท่านั้น
แถมให้ก่อน
วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
นาอาโบร่า3
นาอาโบร่า:พี่คะพี่รู้จักถนนแมวเยอะไหมคะ
นารีโบร่า:รู้จักทำไมหรอ
นาอาโบร่า:ถนนเนี้ยบ้านลุงออสเตม
นารีโบร่า:ที่ดินเขาด้วยซ้ำไป
นาอาโบร่า:แทบไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
นารีโบร่า:ทำไมล่ะ
นาอาโบร่า:ลุงเขาเลื่องลือเรื่องเลี้ยงแมว101ตัวนิ
นารีโบร่า:ไม่งั้นเขาคงไม่เรียกถนนแมวเยอะกันหรอกชื่อดูแม่งๆนะเนี่ย
นาอาโบร่า:คงงั้น
นารีโบร่า:ชิดซ้ายนั่นบ้านลุงออสเตมแล้ว
นาอาโบร่า:พี่ขอกล้องส่องทางไกล
นารีโบร่า:ไม่มีใช้คาถาป๊อบเปอร์เอา
นาอาโบร่า:ปอออออ การุณนาเถิดจะกิดผลได้ประเดนขนมหวานนนนนนน ปิ๊งงงงง
นารีโบร่า:แกลนกระดาษตกอยู่นั่นไง
นาอาโบร่า:ชัดเจนเลย
นาอาโบร่า:ลุงออสเตมกำลังนับเงินอยู่ดูริ้วรอยสิยี๊แหวะๆอ้วกๆ
นารีโบร่า:นิสัยไม่ดี
นาอาโบร่า:ดูป้ายบนตู้เย็นนั่นสิ
นารีโบร่า:จะดูได้ไงไม่มีแกลนทิชชู่ด้วยนี่นา
นาอาโบร่า:เอ้าสายตาสั้น
นารีโบร่า:ด่ากันหรอเนี่ย-_-
นารีโบร่า:รู้จักทำไมหรอ
นาอาโบร่า:ถนนเนี้ยบ้านลุงออสเตม
นารีโบร่า:ที่ดินเขาด้วยซ้ำไป
นาอาโบร่า:แทบไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
นารีโบร่า:ทำไมล่ะ
นาอาโบร่า:ลุงเขาเลื่องลือเรื่องเลี้ยงแมว101ตัวนิ
นารีโบร่า:ไม่งั้นเขาคงไม่เรียกถนนแมวเยอะกันหรอกชื่อดูแม่งๆนะเนี่ย
นาอาโบร่า:คงงั้น
นารีโบร่า:ชิดซ้ายนั่นบ้านลุงออสเตมแล้ว
นาอาโบร่า:พี่ขอกล้องส่องทางไกล
นารีโบร่า:ไม่มีใช้คาถาป๊อบเปอร์เอา
นาอาโบร่า:ปอออออ การุณนาเถิดจะกิดผลได้ประเดนขนมหวานนนนนนน ปิ๊งงงงง
นารีโบร่า:แกลนกระดาษตกอยู่นั่นไง
นาอาโบร่า:ชัดเจนเลย
นาอาโบร่า:ลุงออสเตมกำลังนับเงินอยู่ดูริ้วรอยสิยี๊แหวะๆอ้วกๆ
นารีโบร่า:นิสัยไม่ดี
นาอาโบร่า:ดูป้ายบนตู้เย็นนั่นสิ
นารีโบร่า:จะดูได้ไงไม่มีแกลนทิชชู่ด้วยนี่นา
นาอาโบร่า:เอ้าสายตาสั้น
นารีโบร่า:ด่ากันหรอเนี่ย-_-
นาอาโบร่า
นารีโบร่า:อืมห์ พี่รีคำนวณผิดจริงๆ
นาอาโบร่า:น้องก็เข้าใจผิดที่เกิดมาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
นารีโบร่า:น้อเกิดมาด้วยคาถาของพี่เองพี่ก็คำนวณผิดให้น้องมัธยม1ด้วยโถแม่ของน้องน่ะบังคับพี่ชัดๆอย่าหาพี่ละกัน
นาอาโบร่า:ลุงออสเตมมีจิตใจที่ชั่วร้ายควรจัดการไปลุงเขาบังคับจิตใจแม่พี่แม่พี่ก็บังคับพี่ลุงเขาทำเพื่อให้ดังสนั่นโลกเท่านั้น
นารีโบร่า:น้องแน่ใจหรอว่าน้องน่ะคิดถูกใครอธิบายให้น้องฟังน่ะ
นาโบร่า:ก็เทพซาเรนีกาโดะเมๆซารุผู้ชื่อยาวยังไงล่ะ
นารีโบร่า:งั้นเราต้องสืบ
นาอาโบร่า:สืบ!
นาอาโบร่า:น้องก็เข้าใจผิดที่เกิดมาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
นารีโบร่า:น้อเกิดมาด้วยคาถาของพี่เองพี่ก็คำนวณผิดให้น้องมัธยม1ด้วยโถแม่ของน้องน่ะบังคับพี่ชัดๆอย่าหาพี่ละกัน
นาอาโบร่า:ลุงออสเตมมีจิตใจที่ชั่วร้ายควรจัดการไปลุงเขาบังคับจิตใจแม่พี่แม่พี่ก็บังคับพี่ลุงเขาทำเพื่อให้ดังสนั่นโลกเท่านั้น
นารีโบร่า:น้องแน่ใจหรอว่าน้องน่ะคิดถูกใครอธิบายให้น้องฟังน่ะ
นาโบร่า:ก็เทพซาเรนีกาโดะเมๆซารุผู้ชื่อยาวยังไงล่ะ
นารีโบร่า:งั้นเราต้องสืบ
นาอาโบร่า:สืบ!
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
นาอาโบร่า
มีการ์ตูนเรื่องใหม่จากแดนไกลส่งถึงบุสตี้ทิ้งต้นฉบับปุ๊บปั๊บสั่งพิมแอดๆๆๆๆปิ๊งการ์ตูนเรื่องนาอาโบร่าออกโรงเจ้าค่ะน่ารักมากๆนาอาโบร่าอยู่ซ้ายสุดอ่ะนะน่ารักจะตายไปข้างขวาเป็นนารีโบร่า
ตอนที่หนึ่ง:นาอาโบร่า
นารีโบร่า:อยากมีน้องชะมัด
แม่:อยากได้นักใช้พลังป๊อปเปอร์ก็ได้เอาเป็นว่าตามใจลูกนะ
นารีโบร่า:น้องหนูจะมีจุดด้อยซะด้วย
แม่:ใครบอกล่ะจ้ะ
นารีโบร่า:ลุงออสเตมนักทำนาย
แม่:ก็ต้องจริงๆสิลุงออสเตมท่านมีพรสวรรค์ทางนี้นะปมด้อยของน้องนารีอาจมีนิดๆ
นารีโบร่า:นารีจะทำไงดีขออย่ากำเนิดเลย
แม่:ลูกแม่ต้องการเขาอยู่ในดวงใจกำกับจิตใจให้มั่นคงโดยไม่เจ็บปวดใดๆแม่ต้องการเขา
นารีโบร่า:ป๊อบเปอร์แสบนแตน นารานาร่า นารีคำสาป นาร่าคำพิษ
แม่:ขอบใจเลยลูก
นารีโบร่า:คอลอดอคลอดลูบท้อง ลูกออกมาทันใด ตกใจดังเอ้อ
นารีโบร่า:การุณนา ช่วยออกมา มาหาพี่ ในทันใด
นาอาโบร่า:แว้ๆ
นารีโบร่า:ผูผา โตเร็ว
นาอาโบร่า:สวัสดีค่ะ ตอนนี้นาอาโบร่าอยู่มมัธยม1ค่ะยินดีที่มีพี่นารีโบร่าค่ะ
นารีโบร่า:น้องต้องเรียนจบเลยสิต้องเรียนต่อนะชื่อที่ลงท้ายว่าโบร่าเมืองคาลายากิทวงเรียนเวทย์มนต์ถ้าเหตุเป็นเช่นนี้แล้วเนี่ยอาจจะเป็นปมด้อยของน้องก็ได้ลุงออสเตมทำนายถึงที่เลยพี่รีไม่อยากให้น้องมีเลยพี่ไม่รู้วิธีแก้มนต์พี่รีว่าต้องเสี่ยงเรียนโดยลำบากลำบน
นาอาโบร่า:ไม่มีวันน้องจะสู้!
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
ป่วนสวนสัตว์2
มาสวนสัตว์เดียวกันค่ะต่อเมื่อวานพึ่งได้แค่สองตัวเองนะคะถ้าไม่อยากเชยมาดูต่อกันค่ะมาดูจระเข้กันคนที่นั่งดูจระเข้ใกล้ๆเราตาค้างอยู่อย่างไม่น่าเชื่อคงต้องเชื่อแล้วหละเขาเปิดกรงจระเข้อ้าเป็นรูใหญ่เบอเริ่มแล้วเริ่มปล่อยจระเข้มาช่องระหว่างกรงจระเข้และข้างนอกถูกเบียดมาโดยจระเข้ตัวอ้วนที่คลานออกมามันแยกเขี้ยวนิดๆน้ำลายหยดหน่อยๆแล้วมันก็พุ่งมาหาเรา!ล้อเล่นๆน่ามันมากับพนักงานผู้ดูแลทางด้านสวนสัตว์คงไม่มีงานฉลองงับๆๆนะจระเข้คงสุขใจน่าดูได้แต่งับๆๆๆหรืออะไรซักอย่างเนี่ยเหงื่อผู้ดูใกล้ๆเราหยดลงจนเปียกพื้นแฉะๆริมน้ำ(คลองสำหรับจระเข้)เหงื่อบางหยดไหลไปสู่น้ำแต่ทุกคนต้องอับอายจนต้องปิดตาเพราะพนักงานเอาจระเข้มาโชว์เท่านั้นแจกของที่ระลึกด้วยทุกคนอับอายกันทั้งหมดบางคนหัวเราะจนน้ำตาไหลเท่าที่เราคิดตอนแรกๆก็น่าอับอายจริงๆคนอื่นๆที่กระซิกน้ำตาจากการหัวเราะมาจากเสียงดีๆเริ่มแหบมาเป็นแถวจนเราต้องเป็นผู้หัวเราะเพียงคนเดียวในใจก็ว่าน่าอับอายข้างนอกใจขำร่าเริงและโล่งใจขึ้นหน่อยทุกๆคนค่อยปลดปล่อยขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะต่างๆนานาเสียงอะฮ่างานนี้สะใจมากเลยนะแม้จะอับอายนิดๆแต่ก็พอได้พอมีขำและดีใจวันนี้กินเนื้อไก่เป็นอาหารเย็นของหวานเป็นไอศกครีมรสวนิลาค่ะ
ป่วนสวนสัตว์1
พอดีไปสวนสัตว์มาอ่ะค่ะมีรูปมาด้วยนะคะเริ่มจากมุมสิงโตหิมะก่อนเลยตัวน้ำตาลๆตาเชยๆไม่มีล่ะค่ะพันธุ์ไหนไม่รู้ไม่ได้อ่านป้ายที่เขาติดมา
ต่อไปถึงกรงนกแก้วไม่เชยนะๆชื่อว่านกแก้วคอร์เลียร์ไม่เชยๆใช่มั้ยคะเอาละเราลองเดินไปให้ในๆกว่านี้ดีกว่าเผื่อมีของที่ระลึกของสวนสัตว์ถือว่าขี้หวงนะเนี่ยถ้าพี่ขายของแกไม่ลดราคาหน่อยเราคงพิโรจแล้วค่ะนี่พี่แกเห็นถึงความน่าสงสารของเรายังพี่แกแถมหัวใจน่ารักมาด้วยเราจ่ายพี่เขาไปแค่20พี่คงขาดทุนน่าดูขนาดนี้ยังเกิน20ไปตั้งเยอะแต่ดูเหมือนว่าเราไม่น่าสงสารตรงไหนเลยแฮะอิอิ
สะใจที่ได้ไปป่วนสวนสัตว์ในครั้งนี้ครั้งหน้าก็เป็นตอน2ดีใจมากๆเลยนะคะ-*-
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ร่วมขำกับเจ้าหนูบาโกะ
บาโกะ:วันนี้แม่จะพาเราไปสวนสัตว์น่ะไม่ขำเท่าไหรืหรอกทีนี้
แม่:จัดกระเป๋าแล้วรีบขึ้นรถ ด่วน!
บาโกะ:ค่ะ นี่เรามีรูปสวนสัตว์มาด้วยนะกวางจูบคนไงขำไหมๆ
พี่:กลัวมันจะจูบจริงๆน่ะสิไม่ได้ล้อนะ
บาโกะ:รูปนี้ก็มีซานต้าป้อนอาหารยีราฟ
พี่:แป่วเอามาจากไหนเนี่ยบาโกะ
บาโกะ:นู่นไง
พ่อ:รูปเป็นไงบ้าง
บาโกะ:เป็นไปไม่ได้ค่ะ
พี่:ทำไมหรอพ่อกับบาโกะ
พ่อ:บาโกะกวนประสาทพ่อ
พี่:พ่อก็สร้างปราสาทใหม่สิฮะง่ายๆ
พ่อ:ไม่รู้จะแปลยังไงละกันนะ
พี่:พ่อลำเอียงนี่นาบอกแต่บาโกะ
พ่อ:พูดตามพ่อนะ จงมีสติไว้ทำใจ จงมีใจที่หนาแน่นและเข้มแข็ง
จงอดทนแม้ลำบาก ยากใดๆ
จงทนไว้ให้หาย ห่วงเอย
แม้จะแย่ จะดี
ยังไม่สน รีบมุ่งหน้า
ทันที เวลาจะหมด
ทำให้เรา สุขกาย
สุขใจ เอิงเอยยยยย
บาโกะ: จงมีสตางค์ไว้ทำเงิน จงมีใจที่บางแน่นกับอ่อนแอ
จงยอมแพ้แม้ง่ายดาย ง่ายใดๆ
จงอ่อนไว้ให้ยิิ่ง ห่วงเอย
พี่:บาโกะ
บาโกะ:หืมมม
พ่อ:ขอเป็นลมมมมม
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551
วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551
พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า พุทธธรรม คำว่าพระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลี ติปิฏก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือคำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฏก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) ซึ่งคำสอนสามหมวดนี้ ได้แก่
พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุและภิกษุณี
พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ
พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องราวประกอบ
พระไตรปิฎกมีเนื้อหารวมทั้งสิ้น 84,000 ธรรมขันธ์ ฉบับพิมพ์ภาษาไทยนิยมจัดแยกเป็น 45 เล่ม เพื่อหมายถึงระยะเวลา 45 พรรษาแห่งพุทธกิจ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ภายหลังที่พระองค์ล่วงลับไปแล้ว พระไตรปิฎกจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ และเป็นที่ที่ชาวพุทธสามารถเข้าเฝ้าพระศาสดาของตน พุทธศาสนิกชนสามารถศึกษาปริยัติศาสน์จากพระไตรปิฎก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้พ้นจากความทุกข์ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป
พระไตรปิฎกมีจุดเริ่มต้นมาจากการจัดรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้า ออกเป็นหมวดหมู่ และซักซ้อมทบทวนกันจนลงตัว ในระยะแรก พระไตรปิฎกถ่ายต่อกันมาโดยการท่องจำปากเปล่า จนกระทั่งราว พ.ศ. 460 จึงมีการจารึกลงเป็นลายลักษณ์อักษร กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาสืบทอดมาพร้อมกับพระไตรปิฎก จากสมัยพุทธกาลจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2,500 ปี พระไตรปิฎกบาลีของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นบันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด ดั้งเดิมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และถูกต้องแม่นยำที่สุด ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
หมวดหมู่ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก นอกจากจะเป็นที่รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังได้จัดหมวดหมู่คำสอนเหล่านั้นให้เป็นระเบียบพร้อมๆ กันไปด้วย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการท่องจำ ความง่ายต่อการแบ่งหน้าที่รักษา และความไม่ลำบากในการศึกษาค้นคว้า
คำสอนทั่วไปในพระพุทธศาสนาสามารถแบ่งได้กว้างๆ เป็น วินัย และ ธรรม โดย วินัย จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบทบัญญัติของคณะสงฆ์ สำหรับเป็นข้อบังคับในการปฏิบัติตัวของผู้ออกบวชเท่านั้น ส่วน ธรรม เป็นคำสอนที่ครอบคลุมพุทธบริษัททั้งหมด ซึ่งสามารถแยกได้อีกเป็นสองชนิด คือ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไปตามกาลเทศะ โต้ตอบกับบุคคลต่างๆ เป็นเรื่องๆ ในแต่ละเรื่องจะเรียกว่า สุตตะ หรือ สูตร หนึ่งๆ ในพระไตรปิฎกจะรวบรวมธรรมแบบนี้ไว้พวกหนึ่ง เรียกว่า สุตตันตะ หรือ พระสูตร
ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไปตามเนื้อหา ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นวิชาการล้วนๆ เช่น เมื่อยกเรื่องขันธ์ 5 มา ก็อธิบายโดยละเอียดว่าขันธ์ 5 คืออะไร แบ่งออกเป็นอะไรบ้าง แต่ละอย่างนั้นเป็นอย่างไร จนจบเรื่องขันธ์ 5 ธรรมที่แสดงเอาเนื้อหาเป็นหลักอย่างนี้ ในพระไตรปิฎกจะจัดอยู่ในประเภท อภิธัมมะ หรือ พระอภิธรรม
เมื่อรวม พระวินัย พระสูตร และ พระอภิธรรม เข้าด้วยกัน ก็จะเกิดสามหมวดหมู่ใหญ่ ประกอบกันได้กลายเป็นพระไตรปิฎกขึ้นมา
ความเป็นมาของพระไตรปิฎก
สมัยพุทธกาล
การรวบรวมคำสอนของพระพุทธศาสนาเริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งที่นิครนถนาฏบุตร ศาสดาของศาสนาเชนสิ้นชีวิตลง และสาวกของท่านไม่ได้เก็บรวบรวมคำสอนไว้ ทำให้เหล่าผู้นับถือศาสนาเชนจึงเกิดการแตกแยก และถกเถียงกันว่าแท้จริงแล้วศาสดาของตนสอนไว้เช่นไร พระจุนทเถระทราบเรื่องจึงนำความขึ้นกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงได้ตรัสแนะนำให้พระสงฆ์ทั้งปวงร่วมกันทำสังคายนา เพื่อรักษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป
เมื่อพระสารีบุตรทราบถึงเรื่องราวปัญหาของศาสนาเชน ก็ได้แสดงวิธีสังคายนาไว้เป็นตัวอย่างต่อหน้าที่ประชุมคณะสงฆ์ โดยรวบรวมข้อธรรมต่างๆ ให้อยู่ตามลำดับหมวด ตั้งแต่หมวดหนึ่ง ไปจนถึงหมวดสิบ เมื่อพระสารีบุตรแสดงธรรมจบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงประทานสาธุการแก่หลักธรรมที่พระสารีบุตรแสดงไว้
ทั้งนี้ ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีการรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎก แต่ก็มีคำเรียกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า พฺรหฺมจริย หรือพรหมจรรย์ และ ธมฺมวินย หรือธรรมวินัย
ปฐมสังคายนา
การทำสังคายนาครั้งแรกเกิดขึ้นภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 3 เดือน ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างเวภารบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย ในพระราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู โดยมีพระมหากัสสปเถระทำหน้าที่เป็นประธาน และเป็นผู้คอยซักถาม มีพระอุบาลีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย และมีพระอานนท์เป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อธรรม การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระอรหันต์มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 500 รูป ดำเนินอยู่เป็นเวลา 7 เดือน จึงเสร็จสิ้น
มูลเหตุในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อพระมหากัสสปเถระทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธเจ้าหลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน บรรดาลูกศิษย์พระมหากัสสปเถระเมื่อได้ทราบข่าวต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ แต่มีภิกษุอยู่รูปหนึ่งชื่อสุภัททะ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายจะร้องไห้กันไปทำไม เมื่อสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ พระองค์ทรงเข้มงวดกวดขัน คอยชี้ว่านี่ถูก นี่ผิด นี่ควร นี่ไม่ควร ทำให้พวกเราลำบาก บัดนี้พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พวกเราจะได้ทำอะไรตามใจชอบเสียที เมื่อพระมหากัสสปเถระได้ฟังดังนี้ก็รู้สึกสลดใจ ดำริว่าแม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปใหม่ๆ ยังปรากฏผู้มีใจวิปริตจากธรรมวินัยถึงเพียงนี้ ถ้าปล่อยไว้นานเข้า คำสอนทางพระพุทธศาสนาอาจถูกบิดเบือนไปได้ จึงริเริ่มวางแผนการทำสังคายนา
การสังคายนาครั้งที่สอง
การทำสังคายนาครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 100 ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย โดยมีพระยสะ กากัณฑกบุตร เป็นผู้ชักชวน พระเถระผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมทำสังคายนาครั้งนี้ได้แก่ พระสัพพกามี พระสาฬหะ พระขุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ พระสัมภูตะ สาณวาสี พระยสะ กากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาฐา) ในการนี้พระเรวตะทำหน้าที่เป็นประธานผู้คอยซักถาม และพระสัพพกามีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 700 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 8 เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พระยสะ กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น ควรเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารยามวิกาลได้ ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะ กากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระต่างๆ ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดครั้งนี้
โดยรายละเอียดของปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สอง มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคำว่าพระไตรปิฎกในการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สองเลย แต่ในสมันตัปปาสาทิกา ซึ่งเป็นอรรถกถาอธิบายวินัยปิฎกนั้น บอกว่าการจัดหมวดหมู่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว
การสังคายนาครั้งที่สาม
การทำสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 235 ที่อโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย โดยมีพระโมคคลีบุตร ติสสเถระ เป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 1,000 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 9 เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ มีพวกเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ จึงได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชสังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อกำจัดความเห็นของพวกเดียรถีย์ออกไป
ในการทำสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ ได้แต่งคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมไว้ด้วย และเมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ในที่นี้มีพระมหินทเถระ ผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่นำพระพุทธศานาไปประดิษฐานในลังกา รวมทั้งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยังดินแดนสุวรรณภูมิด้วย
การสังคายนาครั้งที่สี่
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 643 ที่เมืองชาลันธร แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าทำที่กัศมีร์หรือแคชเมียร์ การสังคายนาครั้งนี้มีลักษณะของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเข้ามาผสม ทำให้ฝ่ายเถรวาทไม่นับว่าเป็นหนึ่งในการสังคายนา
การสังคายนาครั้งที่ห้า
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 460 ที่อาโลกเลณสถาน มตเลชนบท ประเทศศรีลังกา โดยมีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้เพื่อต้องการจารึกพระพุทธวัจนะเป็นลายลักษณ์อักษร
ปัญหาการนับครั้งการสังคายนา
การนับครั้งการสังคายนามีความแตกต่างกันในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน นอกจากนี้ แม้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทด้วยกันเองก็ยังนับครั้งการสังคายนาไม่ตรงกัน ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
ประเทศศรีลังกา นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายกระทำเมื่อ พ.ศ. 2408 โดยการสังคายนาครั้งนี้เป็นที่รู้กันเฉพาะในประเทศศรีลังกาเท่านั้น
ประเทศพม่า นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และนับการสังคายนาครั้งที่ 2 ที่ลังกาเป็นครั้งที่ 4 ที่ประเทศพม่า และนับการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 2 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย หรือครั้งที่ 6 ในพม่า มีชื่อเรียกว่าฉัฏฐสังคายนา เริ่มกระทำเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 การทำสังคายนาครั้งนี้ทำขึ้นเนื่องในโอกาสฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เพื่อพิมพ์พระไตรปิฎก อรรถกถา และคำแปลเป็นภาษาพม่า โดยได้เชิญพุทธศาสนิกชนจากหลายประเทศเข้าร่วมพิธี โดยเฉพาะจากประเทศ พม่า ศรีลังกา ไทย ลาว และกัมพูชา
ประเทศไทย นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และครั้งที่ 1-2 ที่ลังกา แต่ในหนังสือสังคีติยวงศ์ หรือประวัติแห่งการสังคายนา ของสมเด็จพระวันรัต ได้นับเพิ่มอีก 4 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 956 ในลังกา โดยพระพุทธโฆสะได้แปลและเรียบเรียงอรรถกถา ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนา
ครั้งที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 1587 ในลังกา โดยพระกัสสปเถระเป็นประธานรจนาอรรถกถาต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนาเช่นกัน
ครั้งที่ 8 เมื่อ พ.ศ. 2020 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา
ครั้งที่ 9 เมื่อ พ.ศ. 2331 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า พุทธธรรม คำว่าพระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลี ติปิฏก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือคำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฏก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) ซึ่งคำสอนสามหมวดนี้ ได้แก่
พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุและภิกษุณี
พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ
พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องราวประกอบ
พระไตรปิฎกมีเนื้อหารวมทั้งสิ้น 84,000 ธรรมขันธ์ ฉบับพิมพ์ภาษาไทยนิยมจัดแยกเป็น 45 เล่ม เพื่อหมายถึงระยะเวลา 45 พรรษาแห่งพุทธกิจ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ภายหลังที่พระองค์ล่วงลับไปแล้ว พระไตรปิฎกจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ และเป็นที่ที่ชาวพุทธสามารถเข้าเฝ้าพระศาสดาของตน พุทธศาสนิกชนสามารถศึกษาปริยัติศาสน์จากพระไตรปิฎก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้พ้นจากความทุกข์ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป
พระไตรปิฎกมีจุดเริ่มต้นมาจากการจัดรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้า ออกเป็นหมวดหมู่ และซักซ้อมทบทวนกันจนลงตัว ในระยะแรก พระไตรปิฎกถ่ายต่อกันมาโดยการท่องจำปากเปล่า จนกระทั่งราว พ.ศ. 460 จึงมีการจารึกลงเป็นลายลักษณ์อักษร กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาสืบทอดมาพร้อมกับพระไตรปิฎก จากสมัยพุทธกาลจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2,500 ปี พระไตรปิฎกบาลีของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นบันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด ดั้งเดิมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และถูกต้องแม่นยำที่สุด ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
หมวดหมู่ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก นอกจากจะเป็นที่รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังได้จัดหมวดหมู่คำสอนเหล่านั้นให้เป็นระเบียบพร้อมๆ กันไปด้วย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการท่องจำ ความง่ายต่อการแบ่งหน้าที่รักษา และความไม่ลำบากในการศึกษาค้นคว้า
คำสอนทั่วไปในพระพุทธศาสนาสามารถแบ่งได้กว้างๆ เป็น วินัย และ ธรรม โดย วินัย จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบทบัญญัติของคณะสงฆ์ สำหรับเป็นข้อบังคับในการปฏิบัติตัวของผู้ออกบวชเท่านั้น ส่วน ธรรม เป็นคำสอนที่ครอบคลุมพุทธบริษัททั้งหมด ซึ่งสามารถแยกได้อีกเป็นสองชนิด คือ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไปตามกาลเทศะ โต้ตอบกับบุคคลต่างๆ เป็นเรื่องๆ ในแต่ละเรื่องจะเรียกว่า สุตตะ หรือ สูตร หนึ่งๆ ในพระไตรปิฎกจะรวบรวมธรรมแบบนี้ไว้พวกหนึ่ง เรียกว่า สุตตันตะ หรือ พระสูตร
ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไปตามเนื้อหา ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นวิชาการล้วนๆ เช่น เมื่อยกเรื่องขันธ์ 5 มา ก็อธิบายโดยละเอียดว่าขันธ์ 5 คืออะไร แบ่งออกเป็นอะไรบ้าง แต่ละอย่างนั้นเป็นอย่างไร จนจบเรื่องขันธ์ 5 ธรรมที่แสดงเอาเนื้อหาเป็นหลักอย่างนี้ ในพระไตรปิฎกจะจัดอยู่ในประเภท อภิธัมมะ หรือ พระอภิธรรม
เมื่อรวม พระวินัย พระสูตร และ พระอภิธรรม เข้าด้วยกัน ก็จะเกิดสามหมวดหมู่ใหญ่ ประกอบกันได้กลายเป็นพระไตรปิฎกขึ้นมา
ความเป็นมาของพระไตรปิฎก
สมัยพุทธกาล
การรวบรวมคำสอนของพระพุทธศาสนาเริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งที่นิครนถนาฏบุตร ศาสดาของศาสนาเชนสิ้นชีวิตลง และสาวกของท่านไม่ได้เก็บรวบรวมคำสอนไว้ ทำให้เหล่าผู้นับถือศาสนาเชนจึงเกิดการแตกแยก และถกเถียงกันว่าแท้จริงแล้วศาสดาของตนสอนไว้เช่นไร พระจุนทเถระทราบเรื่องจึงนำความขึ้นกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงได้ตรัสแนะนำให้พระสงฆ์ทั้งปวงร่วมกันทำสังคายนา เพื่อรักษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป
เมื่อพระสารีบุตรทราบถึงเรื่องราวปัญหาของศาสนาเชน ก็ได้แสดงวิธีสังคายนาไว้เป็นตัวอย่างต่อหน้าที่ประชุมคณะสงฆ์ โดยรวบรวมข้อธรรมต่างๆ ให้อยู่ตามลำดับหมวด ตั้งแต่หมวดหนึ่ง ไปจนถึงหมวดสิบ เมื่อพระสารีบุตรแสดงธรรมจบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงประทานสาธุการแก่หลักธรรมที่พระสารีบุตรแสดงไว้
ทั้งนี้ ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีการรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎก แต่ก็มีคำเรียกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า พฺรหฺมจริย หรือพรหมจรรย์ และ ธมฺมวินย หรือธรรมวินัย
ปฐมสังคายนา
การทำสังคายนาครั้งแรกเกิดขึ้นภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 3 เดือน ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างเวภารบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย ในพระราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู โดยมีพระมหากัสสปเถระทำหน้าที่เป็นประธาน และเป็นผู้คอยซักถาม มีพระอุบาลีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย และมีพระอานนท์เป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อธรรม การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระอรหันต์มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 500 รูป ดำเนินอยู่เป็นเวลา 7 เดือน จึงเสร็จสิ้น
มูลเหตุในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อพระมหากัสสปเถระทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธเจ้าหลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน บรรดาลูกศิษย์พระมหากัสสปเถระเมื่อได้ทราบข่าวต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ แต่มีภิกษุอยู่รูปหนึ่งชื่อสุภัททะ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายจะร้องไห้กันไปทำไม เมื่อสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ พระองค์ทรงเข้มงวดกวดขัน คอยชี้ว่านี่ถูก นี่ผิด นี่ควร นี่ไม่ควร ทำให้พวกเราลำบาก บัดนี้พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พวกเราจะได้ทำอะไรตามใจชอบเสียที เมื่อพระมหากัสสปเถระได้ฟังดังนี้ก็รู้สึกสลดใจ ดำริว่าแม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปใหม่ๆ ยังปรากฏผู้มีใจวิปริตจากธรรมวินัยถึงเพียงนี้ ถ้าปล่อยไว้นานเข้า คำสอนทางพระพุทธศาสนาอาจถูกบิดเบือนไปได้ จึงริเริ่มวางแผนการทำสังคายนา
การสังคายนาครั้งที่สอง
การทำสังคายนาครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 100 ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย โดยมีพระยสะ กากัณฑกบุตร เป็นผู้ชักชวน พระเถระผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมทำสังคายนาครั้งนี้ได้แก่ พระสัพพกามี พระสาฬหะ พระขุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ พระสัมภูตะ สาณวาสี พระยสะ กากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาฐา) ในการนี้พระเรวตะทำหน้าที่เป็นประธานผู้คอยซักถาม และพระสัพพกามีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 700 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 8 เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พระยสะ กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น ควรเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารยามวิกาลได้ ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะ กากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระต่างๆ ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดครั้งนี้
โดยรายละเอียดของปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สอง มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคำว่าพระไตรปิฎกในการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สองเลย แต่ในสมันตัปปาสาทิกา ซึ่งเป็นอรรถกถาอธิบายวินัยปิฎกนั้น บอกว่าการจัดหมวดหมู่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว
การสังคายนาครั้งที่สาม
การทำสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 235 ที่อโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย โดยมีพระโมคคลีบุตร ติสสเถระ เป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 1,000 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 9 เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ มีพวกเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ จึงได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชสังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อกำจัดความเห็นของพวกเดียรถีย์ออกไป
ในการทำสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ ได้แต่งคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมไว้ด้วย และเมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ในที่นี้มีพระมหินทเถระ ผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่นำพระพุทธศานาไปประดิษฐานในลังกา รวมทั้งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยังดินแดนสุวรรณภูมิด้วย
การสังคายนาครั้งที่สี่
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 643 ที่เมืองชาลันธร แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าทำที่กัศมีร์หรือแคชเมียร์ การสังคายนาครั้งนี้มีลักษณะของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเข้ามาผสม ทำให้ฝ่ายเถรวาทไม่นับว่าเป็นหนึ่งในการสังคายนา
การสังคายนาครั้งที่ห้า
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 460 ที่อาโลกเลณสถาน มตเลชนบท ประเทศศรีลังกา โดยมีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้เพื่อต้องการจารึกพระพุทธวัจนะเป็นลายลักษณ์อักษร
ปัญหาการนับครั้งการสังคายนา
การนับครั้งการสังคายนามีความแตกต่างกันในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน นอกจากนี้ แม้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทด้วยกันเองก็ยังนับครั้งการสังคายนาไม่ตรงกัน ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
ประเทศศรีลังกา นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายกระทำเมื่อ พ.ศ. 2408 โดยการสังคายนาครั้งนี้เป็นที่รู้กันเฉพาะในประเทศศรีลังกาเท่านั้น
ประเทศพม่า นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และนับการสังคายนาครั้งที่ 2 ที่ลังกาเป็นครั้งที่ 4 ที่ประเทศพม่า และนับการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 2 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย หรือครั้งที่ 6 ในพม่า มีชื่อเรียกว่าฉัฏฐสังคายนา เริ่มกระทำเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 การทำสังคายนาครั้งนี้ทำขึ้นเนื่องในโอกาสฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เพื่อพิมพ์พระไตรปิฎก อรรถกถา และคำแปลเป็นภาษาพม่า โดยได้เชิญพุทธศาสนิกชนจากหลายประเทศเข้าร่วมพิธี โดยเฉพาะจากประเทศ พม่า ศรีลังกา ไทย ลาว และกัมพูชา
ประเทศไทย นับการสังคายนาสามครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และครั้งที่ 1-2 ที่ลังกา แต่ในหนังสือสังคีติยวงศ์ หรือประวัติแห่งการสังคายนา ของสมเด็จพระวันรัต ได้นับเพิ่มอีก 4 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 956 ในลังกา โดยพระพุทธโฆสะได้แปลและเรียบเรียงอรรถกถา ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนา
ครั้งที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 1587 ในลังกา โดยพระกัสสปเถระเป็นประธานรจนาอรรถกถาต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนาเช่นกัน
ครั้งที่ 8 เมื่อ พ.ศ. 2020 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา
ครั้งที่ 9 เมื่อ พ.ศ. 2331 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ชินจัง
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/41.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_41.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
หมอซุง
ณ หมู่บ้านแปรวเปรี้ยวเกิดมีเด็กชายชื่อซุงอยู่โรงเรียนอนุบาลฝันดีพออายุได้7ปีย้ายโรงเรียนไปโรงเรียนประถมเซซู
ซุง:ครูครับข้อนี้ตอบยากจังครับ
ครู:มาครูช่วย ข้อนี้ต้องโยงคุณหมอไปหาคนไข้ไงจ๊ะ
เมื่อซุงได้ยินเช่นนั้นจึงนึกสนุกวาดรูปหมอบนกระดาษส่งให้ครู
ซุง:ครูครับโตขึ้นผมอยากเป็นหมอครับ
ครู:ใช่อาชีพนี้สมกับทุกคนช่วยเหลือผู้คน แถมได้บุญด้วย
ซุง:ผมจะตั้งจิตแน่วเเน่เพื่ออาชีพนี้ครับ
10ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
ซุงได้เป็นหมอดั่งฝัน
ก๊อกๆหมอซุงเอ๊ยเปิดหน่อยซี
ซุง:ครับๆ
ลุงปั้ม:ลุงเปนโรคปอดบวม
ซุง:ผมช่วยได้ครับ
และแล้วหมอซุงก็สามารถทำให้ลุงปั้มหายได้ในที่สุด
ดรีมทูต่อจากตอนที่แล้ว
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/3095.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_3095.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ดรีมทู
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/3094.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_3094.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551
หนูน้อยวิคตอนวิคมีพี่
ผมชื่อวิคและผมไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีพี่เพราะไม่รู้ว่าพี่ของผมจะสุดแสนจะเมตตาต่อผมตลอดพี่ของผมชื่อพี่วอกและพี่วิน
วิค:พี่ครับผมไม่แบ่งพี่กินขนมนะครับ
วอก:ได้สิครับ
วิน:ตอนเด็กๆพี่ก็กินจุเหมือนกันนะครับ
วิค:แล้วพี่วอกกับพี่วินจแบ่งขนมให้ผมไหมครับถ้าผมนิสัยอย่างนี้
วอก:แบ่งสิครับ
วิน:พี่รู้นะว่าถ้าไม่แบ่งวิควิคเองก็จะเสียใจพี่ก็เป็นแบบนี้ตอนเด็กๆมีพี่ชื่อเวก
วิค:แต่วิคว่าตามใจพี่นะ เพราะที่จริงวิคเองก็ไม่อยากมีพี่เหมือนกัน
วอก:เก็บกดน่ะสิควรปลดปล่อยมั่งแบบนี้ก็ดี
วิค:แต่พี่.....
วิน:ไม่โกรธ พี่โตแล้วจำเป็นต้องอดทนปล่อยให้น้องระบาย
วิค:ผมเข้าใจแล้วครับต่อไปผมจะรักพี่ดูแลพี่จดจำพี่ไว้เป็นคนสำคัญในใจเลยครับ
โดราเอม่อน
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1538.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1538.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
โดเรม่อน2
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/223.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_223.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ดรีมทีม
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/3088.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_3088.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551
จอมตละกละของเมืองบุสตี้หมาแพนดี้หมีแพนด้า
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1313.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1313.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ตลกๆหมาน้อยขี้เซา
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1309.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1309.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ใครว่าสุขัขกับแมวอยู่ไม่ได้ภาค2
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1308.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1308.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ใครว่าสุขัขกับแมวอยู่ไม่ได้ภาค1
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1307.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1307.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ปลามังกรหรืออะไร!
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1223.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1223.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
สัตว์ทะเลหายากบางตัวสูญพันธุ์ไปแล้ว
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1221.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1221.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
สัตว์อันตราย10ชนิดสมควรหลบ
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/1218.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_1218.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
สารคดีกิ้งก่าหนาม
wmode="transparent" data="http://www.duclip.com/flvideo/flvplayer3.swf?file=http://www.duclip.com/flvideo/2511.flv&autoStart=false&logo=http://www.duclip.com/templates/images/watermarks.gif&image=http://www.duclip.com/thumb/1_2511.jpg&allowfullscreen=true&usefullscreen=true">
ชินจัง
ดูให้สนุกนะคะเพื่อนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแล้วก็ฝากเล่าถึงเล่าถึงเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะว่าชินนาม่อนผจภัยในแดนมิติ
eae6956df1e90b02
eae6956df1e90b02
วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551
โบโบ้ฝันอยากเป็นชายคนนี้และความคิดของโบโบ้แฃะทูน่าและนุก
ฝันๆ
ผมอยากเปนชายหน่มครับเพราะคนนี้หล้อหล่อ(ตามความคิดของโบโบ้)ผมอยากเปนคนนี้หล่อเท่โดยเฉพาะผ้าโผกหัวหื้มเท่ถูใจโบโบ้คนนี้จริงๆคนนี้โบโบ้ก็ชอบ
เท่ถูกใจบโบ้เลยงับพี่น้องทุกคนผมชื่นชอบว่าผมหล่อหวังว่าผมคงไม่หลงตัวเองนะครับไม่ว่านะครับๆลูกผมชื่อทูน่าอายุ1ปีเท่านั้นครับเจ้าทูน่าอยากเป็นคนนี้ความคิดสั้นจริงๆผมอ่ะจินตนาการอย่างกับฝันดูเหมือนผมจะหลงตัวเองนะฮับทูน่าชอบซุปเปอร์แมนส่วนสองคนที่เหลือเป็นของผมแก่แล้ว(ซะที่ไหน)ยังเป็นเด็กนะเจ้าโบโบ้แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกบายล่ะครับบบบบบบบบบบบบบบบ
ฝันของทูน่า
ผมอยากเปนคนนี้ด้วยนะครับคนที่มีผ้าโผกหัวคิดเหมือนพ่อโบ้ไงฮับพ่อโบ้ใจดีนะครับ^_^มากซะด้วยนิสัยชอบแย่งอาหารผมกินต้องฟ้องแม่นุกดีตรงไหนล่ะเนี่ยชอบซื้อ(คนให้ต่างหาก)ขนมให้ผมกินแต่กลับกินเองลำบากใจจริงๆบอกคนมากวาดสวนพ่อโบ้ก็แย่งไม้กวาดมาเล่นมั่วๆเอาส่ายๆจนหลุดมือไปเขกหัวคนโป๊กๆๆๆแต่พ่อโบ้ไม่เคยว่าผมดังโฮ่งๆๆๆเลย(เพราะกลัวคนรำคาญ)ความจริงแล้วเหมือนพ่อโบ้ไม่รักผมเลย
พ่อโบ้
โธ่ผมรักลูกทุกคนนะๆแค่เอาแต่ใจเท่านั้นเองถูกนุกตวาดไล่บ๊อกๆอยู่ออกบ่อยแต่ผมก็รักนุกหนอยเเมวข้างบ้านข่วนผมก็ยังรักหนอยเจ้าไก่ขันดังๆผมก็ยังรักเจ้าไก่เชื่อได้ยังผมสละความหวังเพื่อทุกคน
นุก
จะจริงหร้อแน่ใจหรอไม่เคยเหนโบโบ้ทำเลยแป่วๆๆๆๆอย่างงี้ใครไปรัก
ออกความคิดโดยเอินน่ารักจากกรุงเทพ
เจ้าปุยเพื่อนรัก
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
เปร่าและสหาย
เปร่าเปนโลมาที่เชื่องกับผู้คนคอยรับอาหารให้คนขี่ฉลาดอีกด้วยเพื่อนๆเริ่มอิจฉาเปร่าเข้ารุมกันอัดรุมกันตีเปร่าจันเป็นแผลถลอกผู้คนตวัดไล่เพื่อนๆเปร่าออกไปเปร่าไม่ยอมโมโหโดดหนีคนไปเปร่ารู้สึกผิดว่าคนหวงมันเท่าไหนมันมีพรรคพวกเป็นโลมาคนคงได้เปรียบมันเสียใจจนกลับมาดังที่อยู่เดิมแต่สหายของมันหนีหมดแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราจงภูมิใจในสิ่งที่ตนเองมีได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราจงภูมิใจในสิ่งที่ตนเองมีได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ลองๆ
tag: mp3, music, song, สุดแต่ใจจะไขว่คว้า, เพลงประกอบละครposted by bignose, at 2008-Jun-02 22:45:3913comments
สุดแต่ใจจะไขว่ขว้าเนื้อ
เพลงประกอบ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
คำร้อง: เทียรี่ เมฆวัฒนา
ทำนอง: เทียรี่ เมฆวัฒนา
เรียบเรียง: มงคลพัฒน์ ทองเรือง
เหมือนกำแพงถูกเขาปล่อยร้าง
เหมือนคนสร้างไม่ได้ตั้งใจ
ทิ้งให้เราทนเหงาอยู่เรื่อยไป
ฝ่าพายุร้ายไปตามลำพัง
เลือกทางเดินที่คิดและหวัง
หากแม้ต้องพังก็ยังยอมทน
ฝืนชะตาที่แสนมืดมน
เก็บฝันเบื้องบนจนกลายเป็นจริง
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
ตั้งใจทำดังหวังวาดไว้
ไม่คิดฝันไปให้ไกลเกินจริง
รู้คุณค่าของคนไม่ทิ้ง
ไขว่คว้าให้จริงฝันคงไม่ไกล
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
คำร้อง: เทียรี่ เมฆวัฒนา
ทำนอง: เทียรี่ เมฆวัฒนา
เรียบเรียง: มงคลพัฒน์ ทองเรือง
เหมือนกำแพงถูกเขาปล่อยร้าง
เหมือนคนสร้างไม่ได้ตั้งใจ
ทิ้งให้เราทนเหงาอยู่เรื่อยไป
ฝ่าพายุร้ายไปตามลำพัง
เลือกทางเดินที่คิดและหวัง
หากแม้ต้องพังก็ยังยอมทน
ฝืนชะตาที่แสนมืดมน
เก็บฝันเบื้องบนจนกลายเป็นจริง
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
ตั้งใจทำดังหวังวาดไว้
ไม่คิดฝันไปให้ไกลเกินจริง
รู้คุณค่าของคนไม่ทิ้ง
ไขว่คว้าให้จริงฝันคงไม่ไกล
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
สุดแต่ใจจะไขว้คว้า
เรื่องเปรียบเทียบ
เทพีโนลีอาจะออกมานั่งสมาธิส่วนถ้ำของเทพโนรนถูกเผ่ายักค์เผาทิ้งไปแล้วเทพโนรนอาศัยอยู่ตามต้นไม้เป็นที่ๆขณะโนลีอากำลังสบายท่านโคเรยังไม่หายจากการโมโหเทพโนรนเลยว่าถ้ำนั่นเป็นที่อยุ่ของท่านด้วยแต่ท่านให้เทพโนรนเร่งรีบเร่ร่อนไปหาหาที่อยู่ใหม่เพียงคนเดียวภายในสามวันเทพีโนลีอาทำอะไรไม่ได้เพราะถูกท่านโคเรสั่งไว้ว่าหากจะช่วยเทพโนรนจงทำแค่ให้กำลังใจเขาก็พอเทพโนรนเริ่มอดอาหารขึ้นทุกวันไม่มีใครช่วยแม้แต่เทพีโนลีอาแทบเปรียบเทียบกันไม่ได้เอาซะเลยอีกคนเป็นนางฟ้านามว่าพิ้งน์และสัตว์ประหลาดคูลยี้พร้อมองค์หญิงนาและองค์ชายปิงราชานุลและราชินีนวลท่านปู่ปองและท่านย่าปงน้องขององค์ชายปุงหมาน้อยปุ๊กพี่องค์ชายปั๊บนาและปิงขึ้นเป็นราชันเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วราชานุลดูแลนามาหลายปีก่อนและนางนวลเช่นกันจนป่านนี้นาและปิงได้ขึ้นเป็นองค์ราชันเอ้า........ไปดูบนสรรวค์มั่งเทพีโนลีอา.........โปรดติดตามตอนต่อไป
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2551
วิธีหาความรู้จากบุสตี้แลนต์
วิธีไม่มีไรมากหรอกค่ะหากท่านอยากรู้อะไรก้บอกด้วยค่ะทางเราตอบได้ทุกอย่างโดยระบบของเอิรืนน่ารักเพราะเอินน่ารักจะมาดูทุกวันเพื่อให้ท่านได้มีความรู้กลับไปด้วยเอินน่ารักจะมาบ่อยวันเสาร์และอาทิตย์เวลาสิบโมงหรือ่าท่านจะถามไว้ในความคิดเห็นก้ได้ฉะนั้นขอย้ำอีกที
อ่านซ้ำ
รับแต่งนิทานโชว์ รับสอนEng วิธีหาความรู้ง่ายๆค่ะ
คราวนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอนท่านแหละควรไม่พลาดค่ะ
อ่านซ้ำ
รับแต่งนิทานโชว์ รับสอนEng วิธีหาความรู้ง่ายๆค่ะ
คราวนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอนท่านแหละควรไม่พลาดค่ะ
เนื้อเพลงพระคุณที่สาม
ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้ อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น
ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง
* พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู
บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
โรคและภัยอย่ามาแผ้วพานคุณครู
ร้องซ้ำ
ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น
ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง
* พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู
บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
โรคและภัยอย่ามาแผ้วพานคุณครู
ร้องซ้ำ
นิทานอยากฟังเรื่องไหนบอกเลยเม้น
เรื่องดินสอของหมูน้อย เรื่องทองของจุก เรื่องเจ้าปิงแสนดี เรื่องเจ้าตูบยออัจฉริยะ
เรื่องเจ้าม่วงขี้ขโมย เรื่องเจ้าแม้วท้องเสีย เรื่องเจ้ากุ้งกตัญญู
แค่นี้ก่อนะคะ
เรื่องเจ้าม่วงขี้ขโมย เรื่องเจ้าแม้วท้องเสีย เรื่องเจ้ากุ้งกตัญญู
แค่นี้ก่อนะคะ
อักษรแปลกปรานจนกลัวว
㊀㊁㊂㊃㊄㊅㊆㊇㊈㊉
✪✣✤✥✦✧✩✫✬✭✮✯✰✱✲✳❃❂❁❀✿✾✽✼✻✺✹✸✷☣☢☠☭♈➸╬∴☀☆∷﹌★◎▶☺☻►◄♨◐◑↔↕↘☼♦◊◦♠♣✎✟➹❀✏ஓ☂✖®✲ღ☃❆∆ŠÕ╠╣Őő (;°○°)(>c<)(づ ̄³ ̄)づ»-(¯`v´¯)-»-─═┳︻∝╬══ ::======>>┈━═☆┣▇▇▇═─ ⊹⊱⋛⋋⋌⋚⊰⊹ 彡➸❝❞°﹌﹎╱╲☁₪¡Þ✱௫μ
o(‧'''‧)o。◕‿◕。べòべあぃ£❤。◕‿◕。✄☪☣☢☠☮☭☮℃©®¼½¾³²ⅰⅱⅲⅳⅴⅵⅶⅷⅸⅹⅺⅻ【】√¤∞㊝≡✖™乀の♈◖◗♋Café灬≈◈Шǎ☃☎☏☺☻▧▨♨◐◑♦◊◦◘◙♠♧♣▣▤▥▦▩๑۩۞▪▫□ˇиζ£⊕℡❣·۰•●∈〓☆★┣┓┏┫×╰ノ◢◣◥◤ΩжфюЮ━╃╄━卍┛┗┓┏◇◆ㄨ⌒※×◎☂☜☞☜☞❤♡♥『』Ψ№∑⌒〖〗@ξζ∮▓∏卐❃❂❁❀✿✾✽✼✻✺✹✸✷✶✵✴❄❅❆❇❈❉❊❋❖❤❥❦❧⓪๑۩۞۩๑♟☼☀oO#【】ψ▓►◄▒░♀♂√╮╭╯╰ァ┱┲☆★♫♬≧0≦o(╥﹏╥)o//(ㄒoㄒ)//{{{(>_<)}}}๏[-ิ_•ิ]๏-*-™ぷ▂▃▅▆█∏卐※◤◥﹏﹋﹌∩∈∏╰☆╮≠→№←ミ●﹏☉ミ*∩_∩*♂♀♥♡☜☞☎☏⊙◎☺☻►◄▧▨♨◐◑↔↕▪▫☼♦▀▄█▌▐░▒▬♦◊◦☼♠♣▣▤▥▦▩◘◙◈♫♬♪♩♭♪の☆→あぃ£❤。◕‿◕。ღ❀◢◣◥◤▽▧▨▣▤▥▦▩◘◙▓▒░Café№@㊣™℡凸の๑۞๑๑۩ﺴﺴ۩๑๑۩۞۩๑o(‧'''‧)o❆べò⊹⊱⋛⋋⋌⋚⊰⊹ⓛⓞⓥⓔべ☀☼☜☞⊙®◈♦◊◦◇◆εїз åŪÄÁÀãÃßÇç©¢dðÐëéêè퀣ËÉÊȃµïíî졦ÏÍÎÌ¿£¿ñÑøغ°¤Õ๐OþÞüúûùµÜÚÙ
ⓐⓑⓒⓓⓔⓕⓖⓗⓘⓙⓚⓛⓜⓝⓞⓟⓠⓡⓢⓣⓤⓥⓦⓧⓨⓩ
✪✣✤✥✦✧✩✫✬✭✮✯✰✱✲✳❃❂❁❀✿✾✽✼✻✺✹✸✷☣☢☠☭♈➸╬∴☀☆∷﹌★◎▶☺☻►◄♨◐◑↔↕↘☼♦◊◦♠♣✎✟➹❀✏ஓ☂✖®✲ღ☃❆∆ŠÕ╠╣Őő (;°○°)(>c<)(づ ̄³ ̄)づ»-(¯`v´¯)-»-─═┳︻∝╬══ ::======>>┈━═☆┣▇▇▇═─ ⊹⊱⋛⋋⋌⋚⊰⊹ 彡➸❝❞°﹌﹎╱╲☁₪¡Þ✱௫μ
o(‧'''‧)o。◕‿◕。べòべあぃ£❤。◕‿◕。✄☪☣☢☠☮☭☮℃©®¼½¾³²ⅰⅱⅲⅳⅴⅵⅶⅷⅸⅹⅺⅻ【】√¤∞㊝≡✖™乀の♈◖◗♋Café灬≈◈Шǎ☃☎☏☺☻▧▨♨◐◑♦◊◦◘◙♠♧♣▣▤▥▦▩๑۩۞▪▫□ˇиζ£⊕℡❣·۰•●∈〓☆★┣┓┏┫×╰ノ◢◣◥◤ΩжфюЮ━╃╄━卍┛┗┓┏◇◆ㄨ⌒※×◎☂☜☞☜☞❤♡♥『』Ψ№∑⌒〖〗@ξζ∮▓∏卐❃❂❁❀✿✾✽✼✻✺✹✸✷✶✵✴❄❅❆❇❈❉❊❋❖❤❥❦❧⓪๑۩۞۩๑♟☼☀oO#【】ψ▓►◄▒░♀♂√╮╭╯╰ァ┱┲☆★♫♬≧0≦o(╥﹏╥)o//(ㄒoㄒ)//{{{(>_<)}}}๏[-ิ_•ิ]๏-*-™ぷ▂▃▅▆█∏卐※◤◥﹏﹋﹌∩∈∏╰☆╮≠→№←ミ●﹏☉ミ*∩_∩*♂♀♥♡☜☞☎☏⊙◎☺☻►◄▧▨♨◐◑↔↕▪▫☼♦▀▄█▌▐░▒▬♦◊◦☼♠♣▣▤▥▦▩◘◙◈♫♬♪♩♭♪の☆→あぃ£❤。◕‿◕。ღ❀◢◣◥◤▽▧▨▣▤▥▦▩◘◙▓▒░Café№@㊣™℡凸の๑۞๑๑۩ﺴﺴ۩๑๑۩۞۩๑o(‧'''‧)o❆べò⊹⊱⋛⋋⋌⋚⊰⊹ⓛⓞⓥⓔべ☀☼☜☞⊙®◈♦◊◦◇◆εїз åŪÄÁÀãÃßÇç©¢dðÐëéêè퀣ËÉÊȃµïíî졦ÏÍÎÌ¿£¿ñÑøغ°¤Õ๐OþÞüúûùµÜÚÙ
ⓐⓑⓒⓓⓔⓕⓖⓗⓘⓙⓚⓛⓜⓝⓞⓟⓠⓡⓢⓣⓤⓥⓦⓧⓨⓩ
วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551
เกม
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
C530-1884-9034-4635-7176-7759-05
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
วิธีเปลี่ยนภาพหลัง
คลิกที่คำว่าภาพหลังใหม่ๆแล้วรอซักแปปเดียวค่ะดูภาพหลังอีกทีก็กลายเป็นภาพหลังใหม่ๆแล้วค่ะ
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
หมีน้อยตาลี่จัง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)